Logo Logo Logo

HIV INFO HUB

เอชไอวี/เอดส์

คำถามที่พบบ่อย

น้ำลาย น้ำมูก น้ำตา เหงื่อ ทำให้ติดเชื้อเอชไอวีได้มั้ย

เชื้อเอชไอวีไม่สามารถติดต่อได้ผ่านทางน้ำลาย น้ำมูก น้ำตา เหงื่อ รวมถึงการสัมผัส ลมหายใจ ปัสสาวะ อุจจาระ เป็นต้น

การถูๆ ไถๆ อาจมีความเป็นไปได้น้อยสำหรับการติดเชื้อเอชไอวี แต่การสัมผัสภายนอกจะมีความเสี่ยงเรื่องของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ เช่น ซิฟิลิส หนองใน

เสี่ยงน้อย แต่กรณีที่ช่องปากมีแผล ลึกและสดใหม่ก็มีโอกาส เสี่ยงที่จะได้รับเชื้อเอชไอวีเช่นกัน รวมถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เช่น ซิฟิลิส หนองใน

การกลืนน้ำอสุจิ ไม่เสี่ยงแน่นอน เพราะในกระเพาะอาหารเรานั้นมีกรดที่สามารถฆ่าเชื้อ HIV ได้ แต่ต้องมั่นใจว่าในช่องปากเราไม่มีแผลและสะอาด ถ้าหากไม่แน่ใจควรไปตรวจที่โรงพยาบาล เพื่อปกป้องได้ทันท่วงที

มีโอกาส เพราะในน้ำอสุจิก็มีเชื้อไวรัส HIV อยู่ อาจน้อยกว่าที่เลือด แต่ก็มากพอที่จะทำให้ติดเชื้อได้ แต่โอกาสจะน้อย แต่หากไม่แน่ใจแนะนำให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลดีกว่า

สามารถกินร่วมกันได้ ไม่มีทางที่จะได้รับเชื้อเอชไอวี ผ่านการกินอาหารร่วมกัน เนื่องจากเชื้อเอชไอวีไม่ติดผ่านทางน้ำลาย นอกจากนี้ยังสามารถ ว่ายน้ำ เรียน ทำงานร่วมกันได้อีกด้วย

กอด จูบ(กรณีปากไม่มีแผล) ได้ ไม่เสี่ยงติดเชื้อเอชไอวี เพราะเอชไอวีติดจากการสัมผัส

รีบพบแพทย์ รู้เร็ว รักษาเร็ว สุขภาพแข็งแรง ชีวิตยืนยาว การรีบพบแพทย์จะทำให้เราเข้าถึงการดูแลรักษาได้เร็วขึ้นและเข้าถึงยาต้านไวรัสได้เร็วขึ้น

ผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการรักษาเร็ว มีวินัยในการกินยาอย่างต่อเนื่องจนสามารถกดปริมาณไวรัสในเลือดน้อยกว่า 200 copies/ml หรือเรียกว่าเป็นระดับที่ตรวจไม่พบเชื้อ (Undetectable) ซึ่งจะทำให้

ลดโอกาสการเจ็บป่วยและติดเชื้อโรคติดเชื้อฉวยโอกาสได้ และไม่ถ่ายทอดเชื้อสู่คู่เพศสัมพันธ์ (Untransmittable) สามารถใช้ชีวิตในสังคมได้ตามปกติ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

“ไม่ใช่” ผู้มีเชื้อเอชไอวีกับผู้ป่วยเอดส์แตกต่างกัน ผู้ป่วยเอดส์จะต้องมีอาการแสดงของโรคเอดส์และได้รับการวินิจฉัยจากหมอแล้ว สำหรับผู้มีเชื้อ บางคนอาจกินยาต้านไวรัส บางคนอาจไม่ต้องกินเพราะ CD4 ยังสูงอยู่

ไม่ใช่ทุกรายเสมอไปจ้ะ เพราะหลังจากที่เราได้รับเชื้อเอชไอวีเข้าสู่ร่างกาย ตัวไวรัสนี้จะทำลายซีดี 4 ที่เป็นเซลล์ภูมิคุ้มกันที่มีไว้ต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ แต่เมื่อถูกทำลาย (ถ้าไม่รับยาต้านไวรัส) ภูมิคุ้มกันจะเสื่อมลงทำให้โรคต่าง ๆ เข้ามาได้ง่าย และการที่จะเกิดตุ่ม/ผื่นที่ผิวหนัง จะเกิดขึ้นเมื่อซีดี 4 ตกลงจนถึงปริมาณที่ต่ำ จนเกิดเป็นตุ่มพีพีอีขึ้น ซึ่งเป็นอาการของโรคฉวยโอกาสประการหนึ่ง (คือมีมากกว่าการเป็นตุ่มหนอง ยังมีอื่น ๆ อาทิเช่น ท้องเสีย งูสงัด วัณโรค แล้วแต่การดูแลสุขภาพรายคน หากเราดูแลร่างกายให้แข็งแรงและรักษาระดับซีดี 4 ให้สูง โอกาสในการเกิดอาการของโรคติดเชื้อฉวยโอกาสนี้ก็จะต่ำมากๆ จนไม่เกิดขึ้นเลย

สามารถจัดการได้ โดย

– รีบพบแพทย์ รู้เร็ว รักษาเร็ว สุขภาพแข็งแรง ชีวิตยืนยาว การรีบพบแพทย์จะทำให้เราเข้าถึงการดูแลรักษาได้เร็วขึ้นและเข้าถึงยาต้านไวรัสได้เร็วขึ้น

– หากลุ่มช่วยเหลือด้านจิตใจ ทุกวันนี้มีหน่วยงานและกลุ่มอาสาสมัครที่ช่วยเหลือด้านจิตสังคมมากมาย อีกทั้งยังให้คำแนะนำเรื่องการเข้าถึงยาต้านไวรัส

– ค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องเอชไอวีและการอยู่ร่วมกับเชื้อ การได้ทราบข้อมูลที่มีประโยชน์จะช่วยคลายกังวลได้มากสามารถสอบถามไปยังองค์กรที่ช่วยเหลือ (โทร. 1663) ได้

– ดูแลสุขภาพตัวเอง ไม่รับเชื้อเพิ่ม ไม่แพร่เชื้อ อย่าลืมว่าผู้มีเชื้อคนอื่นอาจมีเชื้อดื้อยา หากรับเชื้อมาอาจทำให้เราดื้อยาต้านไวรัส หรือเราอาจติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มาก็ได้ ดังนั้นต้องใช้ถุงยางทุกครั้งกับทุกคน

“ฟรี”

สำหรับคนไทยทุกคน การย้ายสิทธิมาใช้บัตรทองจะช่วยให้เราประหยัดเงินได้มาก โดยเฉพาะในกรณีที่พบเชื้อเอชไอวีและต้องกินยาต้านไวรัส สิทธิประโยชน์ในการตรวจ สำหรับคำถามว่าตรวจได้ที่ไหน เสียเงินเท่าไหร่ สามารถใช้ตารางนี้ตอบได้

* คลินิคพิเศษ หมายรวมถึง ศูนย์ดรอปอินของหน่วยงานภายใต้โครงการกองทุนโลก ศูนย์ดรอปอินฟ้าสีรุ้ง คลินิคพิเศษโครงการ PREV และคลีนิคนิรนาม ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย เป็นต้น

** เป็นราคาขั้นต่ำตามโรงพยาบาลรัฐ

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (สถานีอนามัย) หรือโรงพยาบาลรัฐใกล้บ้าน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (สถานีอนามัย) หรือโรงพยาบาลรัฐใกล้บ้าน หรือตรวจสอบด้วยตัวเอง โทร 1330 กด 2 ตามด้วยเลขบัตรประชาชน 13 หลัก (ค่าโทรครั้งละ 3 บาท) http://www.nhso.go.th

ให้ยื่นเอกสารได้ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (สถานีอนามัย) หรือโรงพยาบาลรัฐใกล้บ้าน

โดยเอกสารที่ต้องเตรียมไป ดังนี้

1. สำเนาบัตรประชาชน

2. สำเนาทะเบียนบ้าน หรือหนังสือรับรองการพักอาศัย

ตอบได้เลยนะว่า สมัยนี้ ติดเชื้อเอชไอวีแล้วไม่ตาย ผู้ป่วยเอดส์จะต้องมีอาการแสดงของโรคเอดส์และได้รับการวินิจฉัยจากหมอแล้ว เพราะถ้าเรารู้เร็วและดูแลรักษาร่างกายด้วยการรับยาต้านไวรัสได้เร็ว ร่างกายเราจะยังแข็งแรง สดใส และมีชีวิตที่ยืนยาวที่สำคัญไม่เป็นเอดส์ค่ะ ถึงเป็นเอดส์แล้วก็ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงและกลับสภาพไปเป็นผู้มีเชื้อได้ หากเราดูแลตัวเองด้วยการไม่รับเชื้อเพิ่ม (ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง) ทานยาต้านไวรัสตรงต่อเวลาไม่หยุดหรือไม่ลืมทาน สรุป: ติดเชื้อเอชไอวี ไม่ได้เป็นแล้วตาย หากรู้เร็วก็จะรักษาได้เร็ว

คำถามที่พบบ่อย