- ยาต้านเอชไอวีกลุ่มใหม่ ๆ ที่มีใช้ในปัจจุบันมีผลข้างเคียงน้อยลงกว่ายารุ่นเก่า
- อาการข้างเคียงที่พบบ่อยหลังเริ่มกินยา เช่น ปวดศีรษะ วิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย นอนไม่หลับ ซึ่งอาการเหล่านี้ มักหายไปเอง หรือเมื่อให้ยารักษาตามอาการ
- หากมีอาการใดอาการหนึ่งดังต่อไปนี้ ต้องรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน เนื่องจากอาจจะมีอาการรุนแรงตามมาถึงขั้นเสียชีวิตได้ ในบางกรณีแพทย์จะให้ยารักษาเพื่อบรรเทาอาการข้างเคียง หรือแพทย์อาจเปลี่ยนยาให้หากแพ้ยาหรือทนผลข้างเคียงไม่ได้
ผื่นลมพิษ ผื่นแดงตามตัว ผิวลอก เป็นแผลตามตัว ปากบวม หน้าบวม ริมฝีปากบวม คอบวม ตัวเหลือง ตาเหลือง
เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ไข้สูง หนาวสั่น หายใจไม่สะดวก หอบ เหนื่อย
- การกินยาต้านเอชไอวีอย่างต่อเนื่อง สามารถกดปริมาณไวรัสเอชไอวีในเลือดให้ลดงลง(HIV VL < 50 copies/ml) หรือจนวัดไม่ได้ (Undetectable Viral Load)
- ผู้ติดเชื้อเอชไอวี มีอัตราป่วย และเสียชีวิตลดลง สุขภาพแข็งแรง มีอายุขัยเฉลี่ยใกล้เคียงกับคนทั่วไป
- ลดโอกาสเกิดโรคติดเชื้อฉวยโอกาส และโรคร่วมอื่น ๆ เช่น โรคไต โรคหัวใจ
- มั่นใจว่ายาต้านเอชไอวีสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ก่อให้เกิดเชื้อเอชไอวีดื้อยาจากการ กินยาไม่สม่ำเสมอ
- ไม่ถ่ายทอดเชื้อสู่คู่นอนหรือผู้อื่น (U=U)
- ลดการรังเกียจตีตราจากสังคม เพราะร่างกายตรวจไม่พบเชื้อ
- ในหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเอชไอวี ลดโอกาสถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูก
- การกินยาต้านเอชไอวีทุกวันสามารถป้องกันเชื้อเอชไอวีกลายพันธุ์ดื้อยา
- หากลืมกินยาบ่อย ๆ อาจทำให้เชื้อเอชไอวีกลายพันธุ์ ทำให้การรักษาทำได้ยากขึ้นและดื้อต่อยาต้านเอชไอวีที่ใช้อยู่ และยาต้านเอชไอวีตัวอื่น ๆ ในกลุ่มเดียวกัน
- เชื้อเอชไอวีดื้อยาสามารถถ่ายทอดเชื้อไปยังผู้อื่นได้