โรคไวรัสตับอักเสบ ซี
เกิดจาก
การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี พบได้บ่อยในผู้ใช้สารเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น และชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย แต่ผู้ป่วยมักจะไม่ทราบมาก่อนว่ามีเชื้อนี้อยู่ในร่างกาย จะทราบก็ต่อเมื่อไปตรวจร่างกายแล้วพบการทำงานของตับผิดปกติ และตรวจเลือดพบการติดเชื้อ
ช่องทางการติดต่อ
สามารถติดต่อกันทางเลือด การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน หรือเพศสัมพันธ์ คล้ายกับไวรัสตับอักเสบ บี ไม่ติดต่อกันทางการให้นมบุตร การจาม หรือไอรดกัน การรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำด้วยกัน และการใช้ถ้วยชามร่วมกัน
ประมาณ 80%
ของผู้ได้รับเชื้อจะมีการติดเชื้อเรื้อรัง
มีอาการไม่ชัดเจน ผ่านไปประมาณ 10 – 30 ปี
จะเริ่มมีตับแข็ง และจะมีโอกาส
เกิดมะเร็งตับได้ประมาณ 1 – 3 % ต่อปี
อาการของโรคไวรัสตับอักเสบ ซี
ระยะเฉียบพลัน
หลังจากไวรัสตับอักเสบ ซี เข้าสู่ร่างกายแล้วทำให้เกิดการอักเสบของตับ แต่ส่วนมากผู้ป่วยจะไม่มีอาการ มีเพียงประมาณ 25-30 % ของผู้ป่วยที่มีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ที่เรียกว่า ดีซ่าน ดังนั้นผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าตัวเองเกิดการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี แบบเฉียบพลัน
ระยะเรื้อรัง
ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี มากกว่า 60% จะเกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ซึ่งในระยะแรก ผู้ป่วยมักจะไม่มีอาการจนเมื่อตับถูกทำลายไปมากพอสมควร หรือมีอาการอักเสบของตับมาก ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร
ไวรัสตับอักเสบ ซี เรื้อรัง
อันตรายอย่างไร ?
ทำให้เกิดตับแข็ง
ไวรัสตับอักเสบ ซี เรื้อรัง ตับจะมีอาการอักเสบ และถูกทำลายไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดจะกลายเป็นตับแข็ง ซึ่งถ้าเป็นมากแล้ว ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลียมาก ดีซ่าน ท้องมาน และเกิดตับวายในที่สุด
ทำให้เกิดมะเร็งตับ
ไวรัสตับอักเสบ ซี เรื้อรัง มีโอกาสเกิดมะเร็งตับได้มากกว่าคนปกติ และมีรายงานว่า ถ้าผู้ป่วยได้รับการรักษาไวรัสตับอักเสบ ซี เรื้อรังอย่างถูกต้อง สามารถลดโอกาสเกิดมะเร็งตับลงได้
ผู้ที่มีความเสี่ยง
ต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี
ไวรัสตับอักเสบ ซี สามารถติดต่อกันทางเลือดหรือเพศสัมพันธ์
บุคคลกลุ่มเสี่ยงสูง/ผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงสูง ที่มีโอกาสได้รับเชื้อ มีดังนี้
ผู้ใช้ยาเสพติดชนิดฉีด
ชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย
ผู้ติดเชื้อ HIV
ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย
ผู้ที่มีการสักผิวหนัง เจาะหู หรือฝังเข็มด้วยอุปกรณ์ที่ไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อ
บุคลากรทางการแพทย์
ผู้ที่ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
ผู้ที่เคยได้รับเลือด และสารเลือด หรือผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ ก่อนปี พ.ศ. 2535 เนื่องจากยังไม่มีการตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี