ผู้ป่วยแรกที่ได้รับเชื้อเอชไอวีนั้น ได้รับการตรวจพบจากการเก็บตัวอย่างเลือดในปีพ.ศ. 2502 จากชายในเมืองกินชาซ่า ประเทศคองโก (โดยมิได้มีการระบุว่าเขารับเชื้อมาได้อย่างไร) และหลังจากการวินิจฉัยอย่างละเอียดพบว่า เชื้อเอชไอวี 1 นี้ เกิดจากไวรัสที่ได้รับเชื้อมาในช่วงสิบถึงยี่สิบปี่ก่อนหน้า ซึ่งลิงชิมแพนซีในแอฟริกา คือ สายพันธ์ุที่มีเชื้อนี้อยู่ อันถือเป็นที่มาของไวรัสชนิดนี้ นักวิจัยเชื่อว่าเชื้อเอชไอวี 1 นั้น เกิดจากการที่นักล่าสัตว์ที่ฆ่าลิงแล้วได้รับเลือดและติดเชื้อมา
ในปัจจุบัน ระยะเวลาโดยเฉลี่ยระหว่างการติดเชื้อเอชไอวี และการแสดงอาการของโรคที่นำไปสู่โรคเอดส์ ใช้เวลากว่า 8 - 11 ปี ซึ่งระยะเวลาที่ว่านี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย อาทิ ความแข็งแรงของสภาพร่างกายและจิตใจ วันนี้ ความเจริญทางการแพทย์และการรักษา สามารถทำให้เรามีชีวิตอยู่กับเชื้อเอชไอวีได้ ซึ่งก็เหมือนกับโรคเรื้อรังอื่นๆ อาทิ เบาหวาน ที่เราสามารถอยู่กับโรคได้ หากหมั่นทานยาตรงเวลาตามแพทย์แนะนำ และดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจให้เป็นปกติ
วัณโรค และตับอักเสบ คืออาการร่วมของผู้ที่มีเชื้อเอชไอวี เพราะเชื้อโรคสามารถเป็นผลมาจากเอชไอวี หรือก่อให้เกิดเอชไอวีได้ จึงเรียกว่า ภาวะการติดเชื้อร่วม (Co-Infections) การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และซี มีวิธีการติดต่อได้แบบเดียวกับเชื้อเอชไอวี โดยการสัมผัสของของเหลวในร่างกาย เช่น เลือด อสุจิ สารคัดหลั่ง หรือจากแม่สู่ลูก โดยไวรัสทั้งสองชนิดจะนำไปสู่มะเร็งตับ และเสียชีวิตได้ ปัจจุบันได้มีวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี และใช้ได้ผลในคนไข้เอชไอวีเช่นกัน ทว่า ยังไม่มีวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบซี ซึ่งไวรัสชนิดนี้สามารถรักษาได้ ขึ้นอยู่กับร่างกายและระยะเวลา และจะได้ผลดีที่สุดก็ต่อเมื่อเข้ารับการรักษาทันทีที่ตรวจเจอเชื้อ สำหรับวัณโรค หรือทีบีนั้น คือภาวะที่พบบ่อยที่สุดในผู้ติดป่วยเอดส์ และในหลายๆ ราย ผู้ติดเชื้อเอชไอวีก็ตรวจพบจากการเป็นวัณโรคมาก่อน ซึ่งโรคนี้ถือเป็นอาการหลักของผู้ติดเชื้อที่เสียชีวิต วัณโรคติดต่อทางน้ำลาย จากการไอหรือจาม โดยเมื่อได้รับเชื้อแล้วผู้ป่วยอาจไม่มีอาการปรากฏให้เห็น ทว่า วัณโรคจะแสดงอาการของไข้หวัด ไอ เจ็บหน้าอก น้ำหนักตัวลด และจะมีผลโดยตรงกับปอด โรคนี้สามารถรักษาได้จากการทานยาปฏิชีวนะ ติดต่อกันเป็นระยะเวลาประมาณหกเดือน หรือนานกว่านั้นแล้วแต่ความรุนแรงของโรค